วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2553

โรงเรียนนอกกะลากับการบ่มเพาะ   “ปัญญาภายใน”
ปัญญาภายใน  หรือความฉลาดด้านในหมายรวมถึงความฉลาดทางด้านจิตวิญญาณ  (SQ)  และความฉลาดทางด้านอารมณ์  (EQ)  ซึ่งได้แก่  การรับรู้อารมณ์และความรู้สึกของตนเอง  และสิ่งต่างๆ เพื่อการดำรงชีวิตอย่างมีเป้าหมายและมีความหมาย 
การอยู่ด้วยกันอย่างภารดรภาพ  ยอมรับในความแตกต่าง  เคารพ  และให้เกียรติกันและกัน  การมีวินัย  มีความรับผิดชอบต่อตนเองและส่วนรวม  อยู่อย่างพอดีและพอใจได้ง่าย
การมีสติอยู่เสมอ  รู้เท่าทันอารมณ์เพื่อให้รู้ว่าต้องหยุด  หรือไปต่อกับสิ่งที่กำลังเป็นอยู่  มีความสามารถจัดการอารมณ์ตนเองได้
การมีสัมมาสมาธิ  เพื่อกำกับความเพียรให้การเรียนรู้หรือการกระทำภาระงานให้ลุล่วง  มีความอดทนทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ
การเห็นความสัมพันธ์เชื่อมโยงระหว่างตนเองกับสิ่งต่างๆ นอบน้อมต่อสรรพสิ่งที่เกื้อกูลกันอยู่
การมีจิตใหญ่มีความรักความเมตตามหาศาล
กระบวนทัศน์ของ   “จิตศึกษา”
1.                 การใช้จิตวิทยาเชิงบวก
2.                การสร้างชุมชนและวิถีของชุมชน
3.                การจัดกระทำผ่านกิจกรรมและศาสตร์ที่เกี่ยวข้องของจิตศึกษา
การใช้จิตวิทยาเชิงบวก
กรอบคิดทางจิตวิทยาเชิงบวกคือ  ศรัทธาในความดีงามของมนุษย์  และบ่มเพาะผู้เรียนให้มีคุณค่าที่ดีงามซึ่งมีอยู่แล้วให้งอกงามยิ่งขึ้น  โดยปฏิบัติต่อผู้เรียนอย่างมนุษย์ที่มีคุณค่าและมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน
                การกระทำทีควรลด  เพื่อไม่ให้เป้ฯการทำลายคุณค่าความเป็นมนุษย์ของเด็ก ๆ ซึ่งมีมาอยู่แล้ว  ทั้งยังเป็นการลดการให้อาหารกับเมล็ดพันธุ์ที่ไม่ดีหรืออารมณ์ด้านลบที่อยู่ภายในจิตของเด็กๆ เพื่อให้เมล็ดพันธุ์ที่ไม่ดีเหล่านั้นไม่เติบโต

-           ลดการเปรียบเทียบ
-          ลดการตีค่า  การตัดสิน  และการชี้โทษ
-          ลดการหลอกล่อด้วยความอยากอันเป็นเงื่อนไขต่อความรัก
-          ลดการสร้างภาพของความกลัวเพื่อการควบคุม
-          ลดคำพูดด้านลบ
-          เลิกใช้ความรุนแรง
สิ่งที่ควรทำสำหรับจิตวิทยาเชิงบวก
เพื่อให้อาหารแก่เมล็ดพันธุ์ดีในจิตใจให้งอกงาม  เพื่อให้เด็กทุกคนรู้สึกได้ว่าตนเองมีคุณค่า  ได้รับความรัก  และมีความสามารถ
การปรับพฤติกรรมเชิงบวก  ให้การรู้ตัว  ให้การเรียนรู้  และให้การฝึกฝน
การสร้างชุมชนและวิถีชุมชน
การสร้างชุมชนที่สะอาดร่มรื่น  สวยงาม  ปลอดภัย  ใกล้ชิดธรรมชาติทั้งดิน  ลม  แสงแดด  ต้นไม้  และอยู่ห่างไกลจากสิ่งรบกวนภายนอก  นอกจากสภาพแวดล้อมในชุมชน  (โรงเรียน)  แล้วการที่เจ้าหน้าที่และครูที่เป็นกัลยาณมิตรที่คอยเกื้อหนุนให้คำแนะนำและให้ความรักความเมตตาก็มีความสำคัญยิ่งต่อความมั่นคงทางจิตใจของเด็ก
สัมพันธภาพของคนในชุมชนมีผลมากที่สุดต่อบรรยากาศทั้งหมดภายในชุมชน  การปฏิบัติในวิถีของโรงเรียนต้องทำอย่างมีความหมาย  มีเหตุมีผลและคงเส้นคงวา  ในขณะเดียวกันโรงเรียนต้องตระหนักอยู่เสมอว่าผู้ปกครองทุกคนมีส่วนเกื้อกูลต่อความก้าวหน้าของเด็ก  การสร้างความเข้าใจอย่างต่อเนื่องด้วยวิธีการอย่างหลากหลาย  จะช่วยให้ผู้ปกครองเห็นความสำคัญต่อการพัฒนาในเชิงจิตวิญญาณซึ่งเป็นสิ่งนาม
ธรรม  ในที่สุดผู้ปกครองจะเข้ามามากขึ้นพร้อมจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนในโรงเรียน   เมื่อผู้ปกครองได้เรียนรู้วิถีชุมชนจากบทเรียนที่เกิดขึ้นจริงภายในโรงเรียนผู้ปกครองก็จะนำกลับไปสู่ชุมชนจริงของตนเอง


การจัดกระทำผ่านกิจกรรมและศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับจิตศึกษา
การจัดกิจกรรมจิตศึกษามีการจัดกิจกรรม  2  รูปแบบดังนี้
รูปแบบที่  1   การจัดกิจกรรมในคาบเวลาของ  “จิตศึกษา”  ใช้เวลาประมาณ  20  นาทีในภาคเช้าก่อนการเรียนการสอนวิชาอื่น  ตัวอย่าง
-          กิจกรรมที่มุ่งเสริมสร้างพลังสงบ  ให้เกิดความสงบภายใน  และการผ่อนคลาย
-          กิจกรรมที่มุ่งให้เกิดสติ  เพื่อให้เด็กได้มีการชำนาญการในการกลับมารู้ตัวได้เสมอ
-          กิจกรรมฝึกสมาธิและการจดจ่อ  ให้เด็กมีความสามารถในการคงสมาธิได้ยาวขึ้นเพื่อกำกับความเพียรทั้งการเรียนรู้และการทำงานให้สัมฤทธิ์ผล
-          กิจกรรมที่มุ่งให้เห็นความเชื่อมโยง  เห็นคุณค่าของตัวเอง  คนอื่น  หรือสิ่งอื่น
-          กิจกรรมที่มุ่งให้เกิดการบ่มเพาะจิตสำนึกที่ดีงาม
-          กิจกรรมที่มุ่งบ่มเพาะพลังความรักความเมตตา
รูปแบบที่  2   การบูรณาการศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับจิตศึกษาในหน่วยการเรียนหลัก  ตัวอย่าง
-          การเรียนรู้จักรวาลวิทยา  (Cosmology)  เพื่อให้เห็นและตระหนักรู้ว่าตัวเราเล็กนิดเดียว  โลกเราเล็กนิดเดียว
-          การเรียนรู้และสัมผัสนิเวศแนวลึก  (Deep  Ecology)  เพื่อจะได้ตระหนักว่า  จักรวาลหรือโลกคือศูนย์กลาง  ไม่ใช่มนุษย์  สิ่งต่างๆ มีคุณค่าในตัว  ไม่ได้มีคุณค่าเพราะเป็นประโยชน์ต่อมนุษย์  ทุกสิ่งมีประโยชน์
-          การร่วมกิจกรรมเสริมหลักสูตร
-          การได้ปฏิบัติงานศิลปะ  ดนตรี  หรือการละคร  เพื่อการเข้าถึงความรู้สึกอันละเอียดอ่อนด้านในของมนุษย์
-          การได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมทางสังคม  จิตอาสา  และการบำเพ็ญประโยชน์
-          การได้ใช้กิจกรรมการรับรู้และการรับฟังอย่างลึกซึ่งที่เป็นการสื่อสารแนวราบ  เน้นการฟังอย่างมีคุณภาพ ไม่เน้นการตัดสิ้น  กระบวนการนี้จะทำให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน  และแก้ปัญหาร่วมกัน